ความเจ๋งของเกมยุคนี้ก็คือสามารถนำแนวเกมที่หลากหลายมาผสมกันเพื่อให้เกิดประสบการณ์การเล่นใหม่ ๆ ให้กับผู้เล่นได้ ถือเป็นการระเบิดจินตนาการของผู้พัฒนาที่ชักชวนให้คนทั้งหลายเข้าไปร่วมสนุกกัน เช่นเดียวกับเกม Crypt of the necrodancer ที่เป็นการผสมผสานระหว่างเกมแนว Adventure RPG Roguelite กับเกมกดตามจังหวะ ที่อาจมีแนววางแผนผสมอยู่ด้วยเล็ก ๆ โดยมีวิธีการเล่นสุดบรรเจิดที่น่าสนใจเอามาก ๆ จนไปเข้าตาบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Nintendo เข้าให้จนมีโอกาสได้ร่วมงานกัน
เรื่องราวและความเป็นมา
เรื่องราวของ Crypt of the necrodancer เกี่ยวกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ Cadence เธอเป็นลูกสาวของนักล่าสมบัติชื่อดังที่หายตัวไป ระหว่างที่เธอออกเดินทางตามหาพ่อ Cadence ผลัดตกลงไปในห้องใต้ดินที่ถูก “จอมเวทย์นักเต้น” (หรือ NecroDancer ที่ล้อมาจากคำว่า NecroMancer ที่แปลว่าพ่อมดหมอผี) ขโมยหัวใจของเธอไป และบังคับให้เธอต่อสู้กับลูกสมุนของเขาเพื่อทวงคืนหัวใจกลับมา โดยการออกท่าทางของเด็กสาวจะขึ้นอยู่กับเสียงเพลงและจังหวะหัวใจของเธอเอง ซึ่งสุดท้ายแล้ว Cadence จะพบเจออะไรระหว่างทางบ้าง จะสามารถโค่น NecroDancer ลงและได้พบเจอกับพ่อของเธอหรือไม่ ผู้เล่นจะต้องค้นหาคำตอบเหล่านี้ด้วยตัวเอง
แค่ Plot ของเรื่องก็น่าสนใจแล้ว ยิ่งบวกกับระบบการเล่นที่แหวกแนว ทำให้เกมนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจนทางบริษัท Nintendo ราชาแห่งวงการเกมก็ยังมาร่วมมือพัฒนาเกมร่วมกันใน Cadence of Hyrule ที่เป็นการผสมกันระหว่างสองจักรวาล Crypt of the necrodancer กับ The Legend of Zelda ที่เป็นเกมพิเศษที่ลงให้แค่แพลตฟอร์ม Nintendo Switch เท่านั้น อีกทั้งในระบบ PC ถ้าเล่นกับจอยแล้วก็จะยิ่งกดมันส์มากขึ้น
เรื่องเพลงของเกมก็หลากหลาย สามารถเลือกหลาย Package หลากแนว จาก DLC อื่น ๆ ของเกมที่ทำออกมา นอกจากนี้ยังมี content ของเกมเพิ่มเติม สามารถเล่นหลาย ๆ รอบเพื่อเก็บตัวละครเพิ่มเติมจากรอบก่อน ๆ ได้ อีกทั้งเกมยังเป็นระบบ Roguelite ที่ทุกครั้งที่ตายก็จะมีการสุ่มฉากใหม่ขึ้นมา เป็นอีกหนึ่งข้อดีของเกมแนวนี้ที่เล่นได้เรื่อย ๆ แบบไม่มีเบื่อ มีความสดใหม่ในทุกครั้งที่เริ่มเล่นใหม่ ทำให้คุ้มค่าเกมที่ซื้อมามากขึ้น เรียกได้ว่าราคาของเกมนี้ไม่สูงเกินไปเลยเมื่อเทียบกับความสนุกที่ได้รับ
ความคุ้มค่าคุ้มราคา
ความสนุกของ Crypt of the necrodancer เป็นความสนุกในแบบสบาย ๆ เข้าถึงง่าย แต่ก็ตื่นเต้นเร้าใจแถมยังมีเนื้อเรื่องที่ทำให้เราจดจ่อกับเกมได้อย่างสบาย ๆ อีกทั้งงานภาพกราฟิกแบบ 8-bit ก็สวยงามเข้ากันกับสไตล์ของเกม Artwork ก็สวยงามเข้าถึงง่าย ที่สำคัญแนวเพลงต่าง ๆ ของเกมยังไพเราะชวนฟัง ฉุดอารมณ์สนุกสนานของเราให้ลุกโชนและอินไปกับมัน เป็นเกมแนวกดตามจังหวะที่ต้องขอคาราวะหัวคิดของผู้พัฒนาเลยจริง ๆ เรียกได้ว่าเป็นเกมที่คุ้มค่าคุ้มราคาทุกบาททุกสตางค์แน่นอน